เที่ยวนครสวรรค์ กันเถอะ

จังหวัดนครสวรรค์เมืองหน้าด่านสู่ภาคเหนือ เรียกได้ว่าเป็นภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบน มีความสำคัญคือเป็นจังหวัดที่เป็นแหล่งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายหลักของภาคกลาง ที่ไหลลงสู่อ่าวไทย

ที่จังหวัดนครสวรรค์มีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมายที่จะพาไปทำความรู้จักกัน ไม่เฉพาะแต่ในเมืองเท่านั้น แต่รอบๆนอกเมืองมีที่น่าสนใจมากมายเช่นกัน

วัดเทพนิมิตร

วัดเทพนิมิตรทรงธรรมหรือวัดถ้ำบ่อยา ตั้งอยู่ที่ อ.หนองกรด เป็นสถานที่ที่คนนิยมไปเที่ยวสักการะบูชา โดยมีจุดเด่นคือเป็นถ้ำหินปูนที่สวยงามที่สุดในจังหวัดนครสวรรค์ มีพระประดิษฐานอยู่ให้ไปสักการะ โดยชาวบ้านเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในถ้ำคอยปกปักษ์รักษาคุ้มครองอยู่

บึงบอระเพ็ด

บึงบอระเพ็ดเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นแหล่งดูนกที่สำคัญอีกที่หนึ่ง โดยเฉพาะหน้าหนาวที่จะมีนกอพยพมาเป็นจำนวนมาก การมาเที่ยวบึงบอระเพ็ดสามารถมาเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตสัตว์น้ำ ได้ที่อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หรือจะมาพักผ่อนกับบรรยากาศ เล่นบานาน่าโบ๊ท เจ็ทสกี ก็มีบริการเช่นกัน สำหรับสายแอดเวนเจอร์ เอ็กซ์ตรีม แต่ถ้าชอบความสงบก็สามารถล่องเรือชมดอกบัว ทั้งบัวหลวง บัวสาย และนอนเต็นท์ค้างคืนก็ได้เช่นกัน

วัดป่าสิริวัฒนา

หากเราเดินทางมาถึงอ.ท่าตะโก ต้องไม่พลาดมาแวะเยี่ยมชม วัดป่าสิริวัฒนา ซึ่งอยู่บนยอดเขา ที่ชื่อวัดแบบนี้ก็เพราะว่า เป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์นั่นเอง สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 เนื่องในเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ถึงการเดินทางจะลำบากเล็กน้อยเพราะอยู่บนยอดเขา แต่บอกเลยว่าถ้ามาถึงแล้วคุ้มค่าแน่นอน ซึ่งจุดเด่นของวัดก็คือตัวเจดีย์ของวัดได้สร้างจำลองแบบสถาปัตยกรรมแบบเจดีย์พุทธคยาประเทศอินเดียนั่นเอง ตัวฐานส่วนล่างจะเป็นสีขาวมุก แต่ส่วนบนจนถึงยอดเป็นสีอิฐแดง

ทุ่งทานตะวันตากฟ้า

ทุ่งทานตะวัน ที่อ.ตากฟ้า มีดอกทานตะวันเยอะแยะมากมาย และแต่ละที่ก็จะบานไม่พร้อมกัน แต่เฉลี่ยแล้วจะบานในช่วงหน้าหนาว ปลายธันวาคมถึงมกราคม เป็นจุดชมทานตะวันที่ใหญ่ที่สุดในจ.นครสวรรค์ มีฟาร์มมากมายบริเวณนั้นให้เลือกเข้าไปชมทุ่งทานตะวัน

การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอถือได้ว่าเป็นภัยร้าย

ในการนอนน้อยจนเกินไป ถือได้ว่าเป็นภัยเงียบซึ่งนั้นก็เป็นสาเหตุที่สำคัญที่เป็นการเพิ่มการเสี่ยงต่อการเกิดของโรคต่างๆอีกด้วย รวมทั้งยังกลายเป็นปัญหาของทางด้านสุขภาพที่มีความเพิ่มความรุนแรงให้มากขึ้นในทวีปเอเชีย

จากการสำรวจพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วสำหรับคนเอเชียนั้นมีการนอนน้อยกว่าคนภายในภูมิภาคอื่นๆทั่วทั้งโลกโดยมีลักษณะอาการเจ็บไข้เกี่ยวเนื่องมาจากการนอนหลับ ยกตัวอย่างเช่น ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดสมองอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจเป็นต้น

สำหรับอาการที่มีการแสดงออกมาอย่างเห็นเด่นชัด นั้นก็คือ อาการง่วงนอน เพลียระหว่างวัน ประสิทธิภาพการคิดและก็ความจำลดน้อยลงโดยมีการหลงๆลืมๆได้ง่าย เรียกว่า ส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพกาย สุขภาพทางจิต สภาวะอารมณ์ รวมทั้งสุขภาพด้านอื่นๆเพราะฉะนั้น การนอนให้พอเพียง ก็เลยเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ชีวิตทุกๆด้านของคุณดีขึ้นนั่นเอง

ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเป็นการเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่ยับยั้งเชื้อโรคที่จะเข้ามาทำอันตรายต่อสภาพร่างกายของพวกเรา

-ช่วยทำให้ระบบการย่อยของอาหารเป็นปกติ

-ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในระดับปกติ

-ช่วยสำหรับในการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ

-รักษาระบบประสาทให้ทำหน้าที่ได้เต็มกำลัง

สิ่งที่หลายท่านอาจนึกไม่ถึงคือ การนอนให้เพียงพอ ช่วยสำหรับการสลายไขมัน เนื่องจากว่าการนอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้ฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับในการควบคุมไขมันและก็กล้ามเนื้อทำงานลดน้อยลงตามไปด้วย รวมทั้งคุณอาจไม่เชื่อว่าการนอนเพิ่มอีกเพียงแค่วันละ 1 ชั่วโมง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสุขภาพอย่างที่ได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ได้จริง

จะเห็นได้ว่าในการนอนของเรานั้นก็มีประโยชนอยู่มาก โดยเรานั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเราไม่ควรนอน เพราะหากเราไม่นอนหรือนอนน้อยก็จะส่งถึงระบบทางข้างในของร่างกายอย่างชัดเจน การนอนถือได้ว่าเป็นเพียงวิธีหนึ่งเพียงเท่านั้น

โดยเราจะมีการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ควบคู่อีกด้วยซึ่งไม่ว่าจะเป็นอาหารที่ครบ 5 หมู่หรือการที่เรานั้นจะออกกำลังหรือพักผ่อนก็ตามเราสามารถทำได้ด้วยกันทั้งหมด ซึ่งอันที่จริงเราควรที่จะต้องทำทั้งหมดไปพร้อมๆกันเพื่อเป็นการที่เรานั้นจะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงอยู่เสมอ

หากเราไม่ทำอย่างใดอยางหนึ่งหรือไม่ทำอะไรให้มันถูกต้องเลยจะก่อให้เรานั้นเกิดความอ่อนแอต่องร่างกายได้ หรืออาจจะส่งผลให้ร่างกายของเรานั้นแย่งลงได้อย่างง่ายดาย

กินโยเกิร์ตกับอะไรดีถ้าต้องการสุขภาพดีคูณสอง

เชื่อว่าหลายคนกินโยเกิร์ตเพื่อความหิวเพราะมันอร่อยและยังมีอีกหลายคนกินโยเกิร์ตเพื่อช่วยให้สามารถผอมลงมาได้แต่การกินโยเกิร์ตอย่างเดียวอาจจะได้ประโยชน์ไม่ค่อยมากนักดังนั้น

วันนี้เราจะมาแนะนำสูตรว่าควรจะกินโยเกิร์ตผสมกับอะไรดีถึงจะทำให้เราได้ประโยชน์จากโยเกิร์ตเต็มที่แบบคุณสอง

  • กินกรีกโยเกิร์ตกับมะนาวหากใครกินสุดนี้ขอบอกเลยเลยว่าจะช่วยระบบการขับถ่ายได้ดีอย่างมากอีกทั้งยังช่วยเรื่องของการเผาผลาญรวมถึงกระตุ้นการเผาผลาญซึ่งวิธีการทำเพียงแค่คุณเลือกกรีกโยเกิร์ตที่เป็นรสธรรมชาติและเป็นชนิดที่มีไขมัน 0% เสร็จแล้วเอามะนาวมาหนึ่งลูกพามะนาวแล้วบีบมะนาวเอาน้ำสุดสุดของมะนาวผสมลงไปในกรีกโยเกิร์ตแค่นี้คุณก็จะได้วิตามินซีจากมะนาวและแคลเซียมจากกรีกโยเกิร์ต 
  • การกินกรีกโยเกิร์ตรวมกับบลูเบอรี่และวอลนัท สูตรนี้คุณจะได้โปรตีนจากทั้งสามแหล่งอาหารที่เรานำมาผสมกันและยิ่งใครที่ไม่ค่อยชอบทานเนื้อสัตว์แต่ต้องการอาหารประเภทโปรตีนเยอะการกินกรีกโยเกิร์ตเลยด่วนนะจะช่วยเพิ่มแหล่งโปรตีนให้กับร่างกายได้รวมถึง หากเรากินกรีกโยเกิร์ตสมกับบลูเบอรี่จะทำให้คุณอิ่มท้องและยังได้โปรตีนเอาไว้ใช้ในร่างกายเยอะอีกด้วย
  • การกินกรีกโยเกิร์ตกับกล้วยหอมสำหรับสูตรนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายเพราะสุดนี้จะไปช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าจากการออกกำลังกายหนักหนักดังนั้นการกินกรีกโยเกิร์ตผสมกล้วยหอมซึ่งอาจจะหันเป็นกล้วยชิ้นชิ้นแล้วกินกับกรีกโยเกิร์ตธรรมดาก็ได้หรือจะนำทั้งกล้วยและกรีกโยเกิร์ตมาปั่นรวมกันก็ได้เมื่อกินแล้วจะช่วยหายจากการเหนื่อยล้าได้ทันที
  • การกินกรีกโยเกิร์ตรวมกับผลไม้สดแน่นอนอยู่แล้วว่าสูตรนี้เป็นสูตรพื้นฐานที่ใครใครก็กินกันบ่อยสามารถกินได้ทั้งกลับองุ่น, แอปเปิ้ล, ฝรั่ง, ส้มหรือแม้แต่แก้วมึงก่อนก็ได้การกินโยเกิร์ตกับผลไม้เหล่านี้จะช่วยได้ดีมากสำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกเพราะผลไม้ดังกล่าวจะมีไฟเบอร์สูงส่วนกรีกโยเกิร์ตก็มีโพรไบโอติกส์รวมถึงยังมีโปรตีนที่จะช่วยรักษาอาการท้องผูกได้ดี
  • การกินกรีกโยเกิร์ตกับน้ำเชื่อมขิง อย่างที่ทราบกันดีว่าขิงเป็นสมุนไพรอย่างหนึ่งที่ช่วยขับลมและยังช่วยในเรื่องของระบบการย่อยของกระเพาะอาหารได้ดีอีกด้วยดังนั้นหากเรานำทั้งกรีกโยเกิร์ตและนำประโยชน์จากขิงมาผสมกันเราก็จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการกินร่วมกันในครั้งนี้

กิจกรรมที่เหล่านักท่องเที่ยวชื่นชอบเมื่อมาเที่ยวที่ประเทศไทย

เมื่อพูดถึงประเทศไทย หรือ ไทยแลนด์ “ Land of Smiles” ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว นักท่องเที่ยวต่างก็บอกว่าเป็นประเทศที่ถ้าได้มาเที่ยวครั้งหนึ่งในชีวิตแล้วเป็นต้องกลับมาเที่ยวให้ได้อีกครั้ง แล้วเวลานักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยนั้นพวกเค้าทำกิจกรรมอะไรกันล่ะ

อะไรที่เป็นเสน่ห์ของประเทศไทยที่ทำให้พวกเค้ากลับมาท่องเที่ยวกันอีก มาดูกันว่ากิจกรรมเหล่านั้นคืออะไรกัน

1. ไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ไทยและประเทศไทย ภายในอาณาบริเวณประกอบไปด้วยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระที่นั่งพิมานรัตยา พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และวัดพระแก้ว จึงทำให้ได้รับชมความงดงามของสถาปัตยกรรมได้หลากหลายและกลับไปพร้อมกับความประทับใจ  

2. ผ่อนคลายไปกับการนวดแผนไทย ด้วยสไตล์การนวดที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น โดยนวดไปที่ร่างกายและเน้นจุดที่คลายเส้นประสาทของความเครียด หลังจากนวดเสร็จึงทำให้รู้สึกตัวเบาและสดชื่นมีชีวิตชีวา จึงเป็นประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวหลายๆคนชอบมาทำ แถมร้านนวดก็หาได้ง่ายตามทุกย่อมหญ้าในประเทศไทยและราคาไม่แพงอีกด้วย

3. เที่ยวตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ตลาดแห่งนี้จะมีเรือมากมายขายอาหารนานาชนิดรวมไปถึงผลไม้อยู่บนคลอง การได้มาที่ตลาดแห่งนี้จึงทำให้ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวไทยว่าใช้ชีวิตกันแบบท้องถิ่นอย่างไร

4. กินสตรีทฟู้ดส์ของไทย ทั่วทุกมุมเมืองและทุกที่บนท้องถนนของไทยมักจะมีอาหารสตรีทฟู้ดส์ตั้งขายอยู่ทั้งเป็นร้านแผงลอยหรือรถเข็น มีขายตั้งแต่ผัดไทย ไข่เจียว ลูกชิ้นทอด หมูปิ้ง หรือแม้แต่ขนมไทยต่างๆก็มีให้เห็นได้ตลอดเวลาในทุกๆวัน และราคาถือว่าถูกมากๆ จึงเป็นที่ชอบชื่นชอบของนักท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวยังบอกว่าได้เห็นด้วยว่าคนไทยนั้นกินอะไรกัน

5. สาดน้ำสนุกไปกับประเพณีวันสงกรานต์ วันสงกรานต์คือประเพณีวันปีใหม่ของไทยโดยเฉลิมฉลองกันทุกปีในวันที่ 13 -15 ของเดือนเมษายน และน้ำคือหัวใจหลักของประเพณีนี้เลย เพราะเชื่อกันว่าน้ำจะช่วยชะล้างโชคร้ายและสิ่งที่ไม่ดีออกไป โดยเหล่าเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ จะออกมาสาดน้ำเล่นสนุกกันทั่วทุกมุมเมือง นักท่องเที่ยวก็ชอบมาเที่ยวเทศกาลนี้กันอย่างมาก เพราะได้สนุกและซึมซับไปกับประเพณีของไทย

 

6. เยี่ยมชมอุทยานเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในประเทศไทย และมีขนาดใหญ่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ภายในมีป่าฝนหรือป่าดงดิบ ทุ่งหญ้า และเหล่าสัตว์น้อยใหญ่เยอะแยะมากมาย ภายในยังมีนกกว่า 300 สายพันธุ์ หมี ช้าง กวาง ลิง ชะนี และฯลฯให้นักท่องเที่ยวได้ดู ภายในยังมีน้ำตกอีกด้วยซึ่งคุ้มค่ามากกับการที่จะได้ใช้เวลาไปกับธรรมชาติ

การพักผ่อนที่ถูกวิธีมีดังนี้

สำหรับวิธีการพักผ่อนนั้นสามารถทำให้ถูกวิธีดังนี้

เพราะว่าการพักผ่อนที่ชาร์จพลังชีวิตได้ดีที่สุดเป็น “การนอน” แต่ว่าเชื่อหรือเปล่าว่าแม้ว่าคุณจะนอนได้ในช่วงเวลา 8 ชั่วโมงดังที่หมอหรือนักดูแลรักษาสุขภาพร่างกายทั้งหลายต่างออกมาเสนอแนะว่าเหมาะสมที่สุด แต่ว่ามันบางทีอาจไม่ได้เกิดผลดีต่อร่างกายราวกับผู้อื่นก็เป็นไปได้ ถ้าหากคุณนอนไม่ถูกวิธี ยกตัวอย่างเช่น คนที่นอนตั้งแต่ 22.00-06.00 น. กับคนที่นอนตั้งแต่ 01.00-09.00 น. จะมีความแคล่วคล่องว่องไวต่างกัน อีกทั้งยังมีผลต่อระบบการทำงานด้านในที่แตกต่างกันอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นเตียง ท่านอน ชุดที่มีไว้ใส่สำหรับนอน แล้วก็แสงไฟต่างๆก็ยังมีผลต่อการนอนว่าคุณจะตื่นมาพร้อมร่างกายที่แข็งแรงหรือแย่ได้อีกด้วย

คุณประโยชน์ของการนอนมีดังนี้

การนอนอย่างพอเพียงนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิตเนื่องจากว่ามีคุณประโยชน์หลายประการ เช่น ทำให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรคร้ายแรงต่างๆอย่างโรคหัวใจ ความดันต่ำ โรคเบาหวาน ซึ่งล้วนเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการนอนไม่หลับตลอดเป็นระยะเวลานานทั้งนั้น การนอนอย่างพอเพียงยังช่วยทำให้ฉลาดหลักแหลมรวมทั้งความจำดียิ่งขึ้น เนื่องจากการนอนอย่างมากจะช่วยปรับให้ไม่ลืมเลือนสิ่งต่างๆที่กักเก็บข้อมูลมาตลอดทั้งวัน ทำให้สามารถทำสิ่งพวกนั้นในวันต่อไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำ แถมยังช่วยทำให้รู้เรื่องและก็ทำความเข้าใจของใหม่ๆได้รวดเร็วทันใจยิ่งขึ้นด้วย แล้วก็การนอนอย่างพอเพียงยังเป็นเหตุให้มีรูปร่างที่ดีได้ เนื่องมาจากการนอนจะช่วยทำให้ระบบการเผาพลาญสามารถดำเนินการได้ดีนั่นเอง จะมองเห็นได้ว่า ถ้าหากพวกเราสามารถนอนหลับได้อย่างพอเพียงแล้ว ย่อมทำให้พวกเรามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงอีกทั้งข้างนอกแล้วก็ภายใน

หลักการง่ายๆ ในการนอนเพื่อให้ได้สุขภาพดี

ขั้นที่หนึ่ง เริ่มจากเปลี่ยนแปลงทัศนคติประเด็นการนอนใหม่ ควรจะให้สำคัญกับเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น มีความคิดว่าเป็นการชาร์จพลังงานร่างกายให้มีชีวิตชีวากระชุ่มกระชวยในวันต่อไป แล้วก็ถ้าหากผู้ใดมีความรู้สึกว่าการนอนมืดค่ำตื่นสายเป็นการนอนที่ถูกต้อง เนื่องจากว่าใช้เวลานอนเท่ากับนอนเร็วตื่นตอนเช้า เรื่องจริงแล้วเป็นสิ่งที่ผิด เนื่องจากว่าการนอนแต่หัวค่ำแล้วก็ตื่นยามเช้าจะมีผลให้ร่างกายมีความแคล่วคล่องว่องไวสำหรับในการปฏิบัติงานได้ดียิ่งไปกว่า

นอนให้ตรงเวลา ซึ่งระยะเวลานอนที่ยอดเยี่ยม ไม่เว้นวันหยุด เป็น 22.00-06.00 น. เนื่องจากว่าร่างกายจะพักได้สุดกำลังจากการหลับลึกในตอนครึ่งแรกของการนอน การนอนตรงเวลาจะช่วยสร้างความคุ้นเคยให้กับร่างกาย ทำให้ระบบต่างๆปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพเสมอๆ