ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเรียบร้อยแล้ว

18 เดือนพฤษภาคมปีพศ. 2563 กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนเรียบร้อยแล้ว 

         มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วเกี่ยวกับเรื่องของการเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งทางกรมอุตุนิยมวิทยาเป็นผู้ประกาศออกมาเองโดยมีการระบุว่าฤดูฝนของประเทศไทยนั้นเริ่มเข้ามาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 เดือนพฤษภาคมปีพ.ศ 2563 ซึ่งฤดูฝนในปีนี้จะมีฝนตกไปจนถึงกลางเดือนตุลาคมและคาดว่าในปีนี้นั้นจะมีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติอีกด้วยแต่อย่างไรก็ดีมีรายงานข่าวเข้ามาว่าปีนี้ช่วงประมาณเดือนสิงหาคมถึงกันยายนประเทศไทยอาจจะต้องเจอกับพายุฤดูร้อนซึ่งเป็นพายุหมุนเขตร้อนซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะมีมากกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอนสำหรับการตกของฝนในช่วงนี้นั้นโดยมีการระบุจากกรมอุตุระบุว่าช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน

จะเป็นการฝนตกในช่วงแรกๆโดยจะมีการตกมากที่สุดในช่วงเดือนของพฤษภาคมจะมีการกระจายไปทั่วไม่สม่ำเสมอทั่วทุกจังหวัดแต่พอมาถึงช่วงปลายเดือนมิถุนายนมาจนถึงเดือนกรกฎาคมฝนจะเริ่มตกน้อยลงแล้วทำให้ต้องประกาศเตือนชาวนาชาวไร่ว่าให้มีการเตรียมความพร้อมในการปรับสมดุลน้ำและก่อนหน้านี้ให้เพียงพอเพราะว่าในช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะส่งผลให้น้ำไม่พอใช้ในงานเกษตรกรในหลายพื้นที่และในช่วงของเดือนสิงหาคมยาวไปจนถึงช่วงเดือนกันยายน

จะกลับมาเป็นช่วงที่มีฝนตกนั่นอีกครั้งหนึ่งและเป็นไปได้ว่าช่วงนี้จะมีโอกาสเกิดพายุหมุนเขตร้อนขึ้นซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายพื้นที่และจะมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่เช่นเดียวกันอย่างไรก็ดีหลังจากที่มีการเข้ามาสู่ฤดูฝนก็ทำให้อากาศที่เคยร้อนอบอ้าวของประเทศไทยนั้นเริ่มอากาศเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้ว่าในบางพื้นที่นั้นจะยังมีแสงแดดจ้าแต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนเหมือนกับในวันก่อนๆที่ผ่านมามากนัก 

      สำหรับเข้าช่วงหน้าฝนนั้นทุกคนที่ต้องเดินทางออกนอกบ้านก็ควรจะมีการพกร่มหรือพกเสื้อกันฝนเพื่อป้องกันการเปียกฝนและเป็นการลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการไข้หวัดซึ่งถ้าใครเป็นไข้หวัดในช่วงนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่อาจจะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าง่ายๆเพราะร่างกายอ่อนแอนั่นเองดังนั้นทางที่ดีเราจึงควรมีการเตรียมความพร้อมหากจะเดินทางไปที่ไหนควรจะมีการพกร่มติดไปด้วย ถึงแม้ว่าวันนั้นไม่ได้มีการประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาก็ตามว่าฝนจะตก แต่เพื่อการดูแลสุขภาพของตัวเองจึงควรมีการเตรียมตัวให้พร้อมอีกทั้งควรจะมีการไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เอาไว้ได้แล้วในช่วงนี้

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  bk8 ฝาก ขั้น ต่ํา

ไวรัสโควิด-19 ภัยร้ายที่มาพร้อมกับโรคคาวาซากิ

        มีรายงานข่าวจากเว็บไซต์ของ BBC เกี่ยวกับเรื่องของการระบาดของไวรัสโควิด-19ที่มีผลต่อเด็กซึ่งตอนนี้มีการพบจำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กเริ่มสูงขึ้นจากเดิมเลยที่ไม่มีผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กเลยโดยส่วนใหญ่ตอนนี้สถิติที่พบมากที่สุดก็คือประเทศสหรัฐอเมริกาโดยอยู่ในเมืองนิวยอร์กลักษณะของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ตอนนี้มีการพบมีเด็กนั้น

มักจะพบว่าเด็กจะมีอาการคล้ายกับการเป็นโรคคาวาซากิซึ่งก็คือเขาจะมีการตัวร้อนเฉียบพลันรวมถึงอาการปลาแดงและยังมีอาการเกี่ยวกับบวมหรือมือเท้าบวมอีกด้วยซึ่งปกติแล้วโรค Kawasaki นั้นเรามักจะพบในเด็กเล็กๆแต่ว่าตอนนี้เมื่อนำร่างกายของเด็กที่คุณหมอวินิจฉัยว่าน่าจะเป็นโรคคาวาซากิมาตรวจกับพบว่าเด็กคนดังกล่าวนั้นติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

แต่มีอาการคล้ายกับเป็นโรคคาวาซากินั่นเองซึ่งจากผลการตรวจสอบเจอนี้ทำให้เราพบว่าตัวโลกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆและมันสามารถกลายพันธุ์และความรุนแรงของมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้เช่นเดียวกันและที่สำคัญหากเชื้อโรคไวรัสโคโรน่านี้พบในเด็กและมีอาการคล้ายกับโรคคาวาซากิเมื่อไหร่มันคือหายนะ

ของวงการแพทย์เลยทีเดียวเนื่องจากว่าอาการของโรคจะรุนแรงมากขึ้นกว่าการรักษาโรคคาวาซากินั่นเองเพราะโดยปกติแล้วอาการของโรค Kawasaki นั้นก็มีอาการรุนแรงมากพออยู่แล้วซึ่งคนที่เป็นโรคนี้หากมีอาการรุนแรงมากๆก็อาจจะกลายพันธุ์ไปเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบและเป็นสาเหตุทำให้เด็กเสียชีวิตได้

แต่ถ้าหากเด็กเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้วมีอาการคล้ายกับโรคคาวาซากิเมื่อไหร่นั่นแสดงว่าอาการของเด็กนั้นได้รับความรุนแรงเป็น 2 เท่าของโลก 2 ตัวมารวมกันดังนั้นการดูแลรักษาจึงจะเป็นแนวทางที่ค่อนข้างลำบากซึ่งในตอนนี้เองการต่างประเทศนั้นเริ่มมีพบว่าเด็กหลายคนมีอาการไข้สูงตัวบวมหรือแม้แต่ขึ้นผื่น

ซึ่งเมื่อนำเด็กไปรักษาพบว่าอาการของเด็กนั้นรุนแรงมากถึงขนาดต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแต่อย่างไรก็ดีหากเรามีการดูแลลูกหลานของเราให้มีความเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19ได้น้อยที่สุดก็อาจจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าลูกหลานของเราจะปลอดภัยดังนั้นในช่วงนี้ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลจะมีการตายล็อคให้สามารถไปเดินช็อปปิ้งตามห้าง

หรือไปซื้อของตามตลาดหรือไปทำกิจกรรมอื่นๆได้ตามปกติแต่เราก็อย่าเพิ่งไว้วางใจพาบุตรหลานของเราออกไปเผชิญกับโรคภัยภายนอกอีกเลยอย่างน้อยที่สุดก็ให้เขาอยู่แต่ในบ้านเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งจะดีกว่า

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ทางเข้าrb88

ความเป็นไปได้ที่เราอาจจะต้องอยู่กับโรคโควิด-19

 ความเป็นไปได้ที่เราอาจจะต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ต่อไปคล้ายกันกับที่เราอยู่ร่วมกับโรค HIV

                ในโลกของเรานั้นมักจะมีเชื้อโรคแปลกๆเกิดขึ้นมามากมายและบ่อยครั้งมากซึ่งในการเกิดเชื้อโรคครั้งแรกนั้นก็มักจะทำให้ประชากรโลกนั้นได้รับเชื้อและต่างก็พากันล้มตายจำนวนหลายแสนหลายล้านคนเลยทีเดียวแต่หลังจากนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่ทางนักวิทยาศาสตร์สามารถจะวิเคราะห์เชื้อโรคและหาสาเหตุของการเกิดเชื้อโรครวมถึงสามารถผลิตยาต้านเชื้อโรคขึ้นมาได้

เราก็จะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเชื้อโรคเหล่านั้นได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปอย่างไรกรณีในอดีตที่ผ่านมาทั่วโลกต่างก็พบการแพร่ระบาดของโลกมานับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะเป็นโรคซาร์ หรือโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ HIV ก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรโรคพวกนี้ก็ไม่สามารถที่จะทำให้คนเรากลัวไปได้นานเพราะเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งเราจะมีภูมิต้านทานเกี่ยวกับโรคนี้และมีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้กันมากยิ่งขึ้นและเราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโลกนี้ได้โดยที่เราจะมีการดูแลปกป้องตนเอง

ให้ไม่ติดเชื้อโรคต่างๆเหล่านี้ได้อย่างที่เราเคยทำมาแล้วในอดีตที่ผ่านมาซึ่งเมื่อก่อนนั้นเชื่อกันว่าโรค HIV นั้นเป็นโรคที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมากและมีการติดต่อกันได้ง่ายเพียงแค่มีเพศสัมพันธ์กันเท่านั้นทำให้ผู้คนทั่วโลกต่างพากันหวาดกลัวโลกนี้และรังเกียจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ติดเชื้อ hiv นี้ทำให้ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นคนที่ติดเชื้อ hiv ต่าง

ก็ต้องปกปิดตัวตนของตนเองไม่ให้คนอื่นรู้ว่าตนเองนั้นมีเชื้อ HIV เพราะไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้เลยแต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็สามารถเข้าใจถึงหลักการของการแพร่ระบาดของเชื้อ HIV ได้และเราก็สามารถอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ hiv ใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยที่ไม่ต้องรังเกียจกันได้อีกต่อไป

เพราะว่าเรามีการปรับตัวให้เข้ากับเชื้อโรคได้นั่นเองซึ่งในครั้งนี้ทางองค์กรอนามัยโลกก็ได้มีการออกมาประกาศเตือนประชากรทั่วโลกเช่นเดียวกันว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีการกลัวเดี๋ยวไวรัสโคโรน่าอีกต่อไปเพราะอนาคตข้างหน้าเชื้อไวรัสโคโรน่าก็จะมีลักษณะคล้ายเหมือนกันกับเชื้อ HIV นั่นก็คือเราจะสามารถอยู่ร่วมกันกับเชื้อไวรัสโคโรน่าได้

เพียงแค่เราจะต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องกับเชื้อไวรัสโคโรน่าให้ได้เท่านั้นเองโดยเรารู้อยู่แล้วเรื่องของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามาจากช่องทางไหนดังนั้นวิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นก็เพียงแค่ทำตามขั้นตอนที่เรารู้ว่าเราจะต้องมีการทำความสะอาดตนเองอยู่บ่อยครั้งสวมใส่หน้ากากอนามัยรวมถึงดูแลร่างกายของตนเองให้แข็งแรงไม่ใช้ของร่วมบุญกับคนอื่นเป็นแค่นี้เราก็สามารถอยู่ในโลกอยู่ในสังคมที่มีเชื้อไวรัสโคโรน่า

แพร่กระจายอยู่โดยทั่วไปได้โดยที่ไม่เดือดร้อนอีกต่อไปดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือประชาชนทุกคนควรจะมีการเข้าใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรน่าให้ได้มากที่สุดว่าหากไม่ต้องการที่จะติดเชื้อไวรัสนี้เราควรจะต้องทำอย่างไรและยึดปฏิบัติตามนั้นเท่านี้เราก็สามารถอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขโดยที่เราไม่ติดเชื้อแน่นอนที่สำคัญในเวลาไม่นานนี้เชื่อว่าหลายประเทศก็จะสามารถผลิตวัคซีนที่ป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้เช่นเดียวกับที่เคยผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อ HIV ได้นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  bk8 fast

เชื้อไวรัสโคโรน่าได้กับเริ่มมาระบาดใหม่อีกรอบ

ไทยเริ่มวิตกกังวลเมื่อพบว่าประเทศจีนที่เคยสามารถควบคุมเชื้อไวรัสโคโรน่าได้กับเริ่มมาระบาดใหม่อีกรอบ

           อย่างที่เรารู้กันดีว่าเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นเริ่มแรกเดิมทีเริ่มต้นมาจากประเทศจีนเป็นประเทศแรกหลังจากนั้นก็มีแค่ระหว่างออกไปยังประเทศต่างๆทั้งในโซนเอเชียแถบยุโรปและแถบอเมริกาซึ่งประเทศจีนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในครั้งนั้นแต่เมื่อเวลาผ่านไปทางการจีนก็สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ได้ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อลดน้อยลงและในที่สุดจำนวนผู้ติดเชื้อก็กลายเป็นศูนย์ทางการจีนจึงได้มีการประกาศปลดล็อคประเทศและเปิดให้ประชาชนสามารถเดินทางได้ตามปกติทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวการจับจ่ายใช้สอยการซื้อของต่างๆแต่เมื่อมีการเปิดให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติกับพบว่าปัจจุบันจีนเริ่มมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากขึ้น

ซึ่งภายใน 10 วันจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าของคนจีนพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยใน 1 วันมีผู้ติดเชื้อขึ้นหลักสองฉันหมายถึงว่าใน 1 วันมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 10 กว่าคนเป็นต้นไปซึ่งสาเหตุนั้นก็มาจากการที่ทางการจีนได้ปล่อยให้ประชาชนได้มีการใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิมก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า

และเมื่อไม่มีการควบคุมประชาชนจีนก็สามารถทำอะไรก็ได้และละเลยในการที่จะดูแลตนเองไม่มีการป้องกันตนเองให้มากพอทำให้การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่ากลับมาอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นทางการจีนได้ออกมาสำรวจสาเหตุที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่ามากขึ้นโดยสาเหตุส่วนใหญ่นั้นมาจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางกลับมาจากต่างประเทศดังจากที่ประเทศจีนได้มีการเปิดให้คนจีนเดินทางเข้าประเทศได้อีกสาเหตุหนึ่งนั้น

ก็เพราะเป็นการติดกันเองภายในประเทศซึ่งนั่นทำให้เห็นได้ว่าเชื้อไวรัสโคโรน่ายังคงมีอยู่ประชาชนยังไม่ดูแลตัวเองก็จะทำให้เชื้อโรคยังคงลุกลามและแพร่ระบาดได้อย่างต่อเนื่องได้เหตุผลนี้เองที่ทำให้ประเทศไทยเริ่มตระหนักถึงการระบาดของเชื้อไวรัสซึ่งอาจจะกลับมาใหม่ได้เนื่องจากตอนนี้ทางการของประเทศไทยเองก็ได้มีการปลดล็อคกิจการหลายอย่างรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวหลายที่ให้กลับมาใช้บริการได้ตามปกติมีการเปิดให้มีการจำหน่ายสุราได้อย่างเสรีรวมถึงให้ประชาชนออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทั้งในเรื่องของการทำงานและการพักผ่อนหย่อนใจซึ่งนี่เองอาจจะเป็นสาเหตุทำให้ประเทศไทยมีการระบาดของไวรัสโคโรนากลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่งซึ่งก่อนที่จะมีการปลดล็อคนั้นยอดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าของประเทศไทยเริ่มลงไปอยู่ที่ศูนย์ แต่เมื่อหลังจากที่มีการปลดล็อคกิจการบางอย่างขึ้นมาก็ทำให้ผู้ติดเชื้อเริ่มมีจำนวนมากขึ้นในแต่ละวันซึ่งบางวัน 7 คน

หรือบางวัน 3 คนซึ่งจะทำให้เห็นได้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาจจะมากกว่านี้ได้ยิ่งใหญ่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังจะมีการรับคนไทยที่ติดอยู่ต่างประเทศกลับมาประเทศไทยซึ่งเป็นไปได้มากกว่าเมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นเดินทางกลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่การระบาดอาจจะมีการขยายเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งถ้าหากมีการระบาดรอบ 2 ขึ้นมาจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างใหญ่หลวงในที่เดียว

 

สนับสนุนโดย  สูตร บาคาร่า bk8

จีน หวั่นเชื้อโควิด-19 หวนกลับมาหาอีกรอบ 

 มีรายงานข่าวจากทางโฆษกของทางการจีนเกี่ยวกับเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศจีนนั้นตอนนี้มีการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ได้แล้วซึ่งเป็นจำนวนประชากรที่เคยติดเชื้อไวรัสโควิด-19มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัดปัจจุบันรัฐบาลได้มีการประกาศยกเลิกการล็อกดาวเมืองอู่ฮั่น

และยังเปิดให้ประชาชนได้ออกมาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าได้ตามปกติรวมทั้งยังมีการเปิดสนามบินไม่สามารถบินข้ามเมืองไปยังเมืองต่างๆได้ ซึ่งหลายคนต่างก็พากันดีใจที่จีนสามารถตั้งจุดผ่านที่เคยวิกฤตมาได้แล้ว  แต่เมื่อไม่นานมานี้ทางการจีนพบว่าบรรดาประชาชนชาวจีนที่เพิ่งเดินทางกลับเข้ามาที่ประเทศจีนหลังจากที่อยู่ต่างประเทศเป็นเวลานานซึ่งมีจำนวนมากถึง 639 คนได้เริ่มมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19กันแล้ว

ซึ่งอาจารย์กันว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่น่าจะติดมาจากตั้งแต่อยู่ที่ต่างประเทศและมีอาการแสดงออกเมื่อเดินทางมาถึงที่ประเทศจีนเรียบร้อยแล้วซึ่งปัจจุบันพบว่ามีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าที่เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 53 คนแล้วโดยทางการจีนเกรงว่าหากยังคงเป็นอยู่เช่นนี้การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19อาจจะต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง 

เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้สถานการณ์แพร่ระบาดจะลดลงจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงแต่ก็ยังถือว่ายังมีผู้ติดเชื้อที่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่เป็นจำนวนมากและยิ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเข้ามาเพิ่มจากการที่ชาวจีนเดินทางกลับจากต่างประเทศทำให้รัฐบาลรู้สึกมั่นใจว่าเชื้อไวรัสโควิด-19อาจจะกลับมาทำลายมาตรการที่ทางจีนได้มีการป้องกันไว้เป็นอย่างดีลง

สำหรับข้อมูลที่ยืนยันได้ว่าทางการจีนสามารถควบคุมเชื้อไวรัสโคโรน่าได้เรียบร้อยแล้วนั้นเนื่องจากว่าตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นมาสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 LINE ใหม่ก็ไม่เพิ่มอีกเลยซึ่งถือว่าเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ได้ผลดีอย่างยิ่งแต่แล้วเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาทำให้การดีใจของรัฐบาลและประชาชนชาวจีนที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าได้แล้วนั้น

กับต้องลดลงเหตุผลนั้นก็เพราะว่าเมื่อมีชาวจีนแผ่นดินใหญ่เกิดพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าเป็นจำนวนมากกว่า 50 คนซึ่งในครั้งนี้ทางรัฐบาลจีนมีมาตรการเพิ่มจากเดิมปล่อยทิ้งไว้อาจจะส่งผลให้การแพร่เชื้อระบาดไวรัสโควิด-19กลับมายังประเทศจีนใหม่อีกครั้งนึงก็เป็นได้ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนที่จะสายเกินไปอาจจะต้องมีการวางมาตรการใหม่

เพื่อให้ประชาชนชาวจีนช่วยกันลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ลงให้ได้ซึ่งขณะนี้มีการสำรวจจำนวนผู้ป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19พี่เดินทางมาจากต่างประเทศรวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 723 คนแล้ว 

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  dewabet