เกล็ดความรู้ เมดิเตอร์เรเนียน ไดเอต

วันนี้เราจะมานำเสนอในรูปแบบหนึ่งที่มีชื่อว่า เมดิเตอร์เรเนียน ไดเอต  ซึ่งเมดิเตอร์เรเนียน ไดเอต ได้ถูกนำเอามาใช้ในงานวิจัยมากมายเลยว่าที่บอกว่ามันสามารถช่วยลดในเรื่องของโรคหัวใจและก็หลอดเลือดแล้วก็โรคของหลอดเลือดสมองได้ที่นี้เราลองมามองดูในรู้แบบของอาหารเรา

ก็มักจะเห็นว่าในกลุ่มที่มีผักผลไม้ที่มีปริมาณมากมันก็จะสามารถช่วยให้ไฟเบอร์ช่วยให้วิตามินแล้วก็เกลือแร่รวมทั้งสารต้านอนุมูอิสละในขณะเดียวกันนี้เขาก็จะกินในส่วนที่จะเป็นในเรื่องของถั่วงาหรือว่าพวกที่เป็นธัญพืชมากขึ้นและยังมีน้ำมันที่เป็นน้ำมันมะกอก 

ซึ่งอันนี้มันก็จะช่วยทำให้ในเรื่องของการปรับตัวในคอเลสเตอรอลได้จึงทำให้คอเลสเตอรอลตัวเลวลดลงคอเลสเตอรอลตัวดีเพิ่มมากขึ้นสำหรับววันนี้เราก็จะมีการนำเสนอเมนูสำหรับ เมดิเตอร์เรเนียน ไดเอต หนึ่งเมนู

ซึ่งวันนี้ก็จะเป็นในเรื่องของสลัดผักปลากระพงย่าง โดยเรื่องต้นนั้นเราก็จะต้องหมักปลาก่อนโดยใช้เกลือจากนั้นก้จะโรยพริกไทโรยเกลือลงไปพอสมควรไม่ต้องเยอะมาก ให้ครบทั้งสองด้านของปลาเลยตามด้วยพริกไทจากนั้นโรยเครื่องเสร็จแล้วเราก็พักปลาเอาไว้ก่อนในระหว่างที่พักปลาเอาไว้เราก็จะมาทำน้ำสลัดนำกระเทียมตามด้วยหัวหมอพริกไทตามด้วยน้ำตาลน้ำมะนาวค้นให้เข้ากันหลังจากนั้นพอเข้ากันแล้วเราก็จะใส่น้ำมันมะกอกลงไป

สำหรับสูตรนี้เราก็จะเพิ่มคีนัวต้มสุกลงไปและมันก็ยังได้เป็นธัญพืชอีกอย่างหนึ่งซึ่งในนี้มันก็จะมีไฟเบอร์เยอะและก็จะมีโปรตีนมีวิตามิมนแล้วก็แร่ธาตุอยู่เหมือนกันจากนั้นเมื่อเราทำน้ำสลัดเสร็จแล้วให้เราพักมันเอาไว้ก่อน ต่อมาเวลาที่เราจะเริ่มอย่างปลากระพงมันก็จะมีในเรื่องของปลาที่มันอาจจะติดกระทะนิดหน่อยซึ่งเราก็จะใช้น้ำมันนิดหน่อยซึ่งเราจะใช้เป็นน้ำมันมะกอกเป็นน้ำมันธรรมดา

หลังจากนั้นเราก็จะนำเอาปลาที่เราหมักเอาไว้ลงไปย่างในกระทะเราจะต้องนำเอาส่วนที่เป็นหนังลงไปก่อนเราจะต้องรอจนกว่าปลาอีกด้านหนึ่งสุกแล้วเราก็ค่อยพลิกปลาพอเราทอดปลาสุขได้ที่แล้วเราก็ตัดนำเอาขึ้นมาพักเอาไว้ก่อนจากนั้นเราก็จะมาทำสลัดกันเพื่อที่จะนำเอามารับประทานด้วยกันกับปลาผักที่ควรใช้จะเป็นผักร็อกเกตตามด้วยมะเขือเทศลงไปจากนั้นจากนั้นก็เอาน้ำสลัดที่ทำเอาไว้เทลงไปคุกให้เข้ากันจัดใส่จานรับประทานได้เลยนี่ก็จะเป็นสูตรอาหาร เมดิเตอร์เรเนียน ไดเอต

 

สนับสนุนโดย  next 888

โรคชิคุนกุนยาโรคที่มากับยุงลายและหน้าฝน

ในช่วงหน้าฝนแบบนี้จะมีโรคที่มาพร้อมกับฝนเรามักจะคุ้นชินกับโรคไข้เลือดออกแต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกหนึ่งโรคที่มาพร้อมกับหน้าฝนเช่นเดียวกันโครชิคุนกุนยาบางคนอาจจะยังไม่คุ้นชินหรือบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินเลยแต่ว่าอาการของโรคนี้มีลักษณะที่คล้ายกับไข้เลือดออกแต่ก็ยังมีบางจุดแต่แตกต่าง 

ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นชินกับโรคชิคุนกุนยาบางคนก็ไม่เคยได้ยินเลยจริงๆแล้วโรคนี้มันเกิดขึ้นมาจากอะไร ซึ่งโรคชิคุนกุนยาฟังดูแล้วมันดูเหมือนว่าจะคล้ายกับญี่ปุ่นนิดนึงบางคนก็จะเรียกกันว่าเป็นไข้ญี่ปุ่น ซึ่งชิคุนกุนยาก็จะติดมาจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาในความลักษณะบางอย่างที่คล้ายกับไข้เลือดออกนินกิก็คือเป็นการแพร่เชื้อจะมีภาหนะโดยยุงลายเหมือนกันแล้วมันก็จะไม่ได้ติดต่อจากคนไปคนทุกคน

จะต้องมีภาหนะเท่านั้นแล้วก็จะมีอาการลักษณะบางอย่างที่ดูคล้ายคลึงกันและสำหรับตรงที่คนจะต้องมีภาหนะนั้นคือว่าคุณจะต้องติดมาจากยุงลายคือเชื้อมันจะเข้าไปเพราะพันธุ์ในยุงลายแล้วยุงก็จะต้องไปกัดคนแล้วคนนั้นถึงจะได้รับเชื้อไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปรับเชื้อจากสิ่งแวดล้อมแบบทางเดินหายใจแบบนี้ไม่ใช่มันจะต้องเป็นยุง

สำหรับโรคไข้เลือดออกและโรคชิคุนกุนยามันจะมีความแตกต่างกันยังไงคือสองโรคนี้มันได้เกิดขึ้นมาจากสองโรคไวรัสทั้งคู่ก็จริงแต่มันได้เป็นไวรัสคนละชนิดกันคือไวรัสนินกิอีกตัวเป็นไวรัสไข้เลือดออกไข้เลือดออกนินกิและอีกหนึ่งอันก็คือไวรัสชิคุนกุนยาแต่ว่าในความเหมือนนั้นก็คือว่ามันจะมีภาหนะแบบเดียวกันก็คือยุงลาย

เพราะฉะนั้นพวกวงจรชีวิตทั้งใมนยุงหรือว่าในตัวคนมันจะคล้ายๆกันสมมุติว่าอย่างเช่นจะมีคนที่ติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาแล้วมียุงลายเข้าไปกัดคนไข้ที่ได้เป็นชิคุนกุนยาเชื้อไวรัสมันก็จะเข้ามาเจริญอยู่ในตัวยุงเสร็จแล้วยุงไปกัดคนธรรมดาและอีกคนหนึ่งก็จะติดเชื้อขึ้นมาอีกเพราะฉะนั้นในวงจรชีวิตมันจะคล้ายคลึงกันแต่มันจะเป็นไวรัสคนละสายพันธุ์เท่านั้น

ซึ่งถามว่าเชื้อไวรัสนี้มันจะอยู่ในตัวยุงได้นานอีกไหนมันก็จะขึ้นอยู่กับอายุขัยของยุงโดยเฉลี่ยแล้วยุงก็จะมีอายุอยู่ที่ประมาณ100-120วันและถ้าหากว่ายุงที่ยังไม่ได้หมดอายุขัยและได้ไปกัดคนธรรมดาก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้อีกถถ้าหากว่ายุงที่มีเชื้ออยู่นั้นยังไม่ตาย

 

สนับสนุนโดย  ติดต่อ next88

สมุนไพรยารักษาโรคหาได้จากในบ้าน

สมุนไพรใกล้ตัวเราที่พวกเรามักละเลยกันอันที่จริงแล้วเป็นประโยชน์สำหรับในการรักษาโรคอย่างใหญ่โต ในสมัยก่อนการที่จะไปพบหมอนั้นเกิดเรื่องที่ยากลำบากเนื่องมาจากการเดินทางในสมัยก่อนนั้นมีความยากแค้นว่าสมัยปัจจุบันดังเนั้นมื่อเกิดลักษณะของการเจ็บ

สมุนไพรก็เลยยารักษาโรคต่างได้เป็นอย่างดีเนื่องหาง่ายมีในครอบครัว ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาเดินทางคนรุ่นก่อนมักจะเคยชินกับการใช้สมุนไพรสำหรับในการรักษาลักษณะของการเจ็บป่วยเนื่องจากว่าใช้อยู่เป็นประจำ แต่ว่าในตอนนี้ยาเคมีมีหน้าที่กับคนยุคนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ

เนื่องจากรับประทานง่ายและก็หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วๆไป ก็เลยไม่ค่อยได้ใช้สมุนไพรกันหลายครั้งนัก ก็เลยทำให้ความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสมุนไพรดลง สมุนไพรบางจำพวกอกจากจะเอาไว้รักษาลักษณะการเจ็บป่วยไข้ได้แล้วยังสามารถเอามาปรุงเป็นอาหารได้อีกด้วย

เป็นการปรับใช้เอายามาทำกับข้าวรับประทานได้อย่างมีนัยยะ โดยเหตุนี้พวกเราก็เสมือนได้รับประทานอีกทั้งของกินและก็ยารักษาโรคไปในตัวเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าสมุนไพรที่้พวกเราเคยและไม่เคยรับประทานนั้น มีคุณประโยชน์เช่นไรวันหลังถ้าหากพวกเราได้มองเห็นมีนบนจานของกินจะได้ไม่ต้องเขี่ยสมุนไพรพวกนี้ทิ้ง

ตะไคร้

ตะไคร้เป็นพืชที่พวกเราพบได้ทั่วไปมากเนื่องมาจากถูกมาปรุงเป็นของกินอยู่หลายแบบ ตะไคร้เป็นเครื่องต้มยำชั้นเยี่ยมเนื่องจากว่ามีกลิ่นหอมช่วยขจัดกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของของกินเกือบทุกอย่างจะขาดไปมิได้เลยและก็ยังมีฤิทธิ์สำหรับเพื่อการรักษาอาการ จุก เสียด แน่นท้อง ไล่ลม ได้ดิบได้ดีอีกด้วย

กะเพรา

ใบกะเพราเป็นพืชที่พวกเรารู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะเหตุว่าพวกเราจะได้ผัดใบกะเพรากันเป็นประจำด้วยเหตุว่าเป็นอาหารที่ทำง่ายรวมทั้งอร่อย ใบกะเพราเป็นพืชล้มลุกมีรดเผ็ด ช่วยสำหรับในการขับลมได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุว่าในใบกะเพรามีน้ำมันหอมละเหยซึ่งมีฤิทธิ์สำหรับในการขับลม

ข่า

เป็นพิชล้มลุกอีกประเภทที่มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการประกอบอาหาร เพราะว่ามีกลิ่นหอมส่วนตัว มีรสเผ็ดร้อน มีเนื้อสีเหลืองอ่อนๆเอามาทำเป็นส่วนประกอบของพริกเพื่อเพิ่มรสชาติและก็ความหอมของอาหารมีฤิทธิ์สำหรับเพื่อการรักษากลากเกลื้อน

ดับน้ำคาวปลาคุณแม่ข้างหลังคลอดลูกใหม่ได้ตำข่าใส่กับมะขามเปียกแล้วหลังจากนั้นก็เกลือกินทุกวี่วันก็สามารถที่จะช่วยให้ขับน้ำคาวปลาได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งแน่นอนแหละว่าคุณแม่หลังคลอดจะต้องรู้วิธีเหล่านี้ดี

 

สนับสนุนโดย  entaplay ดี ไหม

กินผัก 4 ชนิดนี้สิดี ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย

          อยากที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจุบันทั้งมลพิษ ฝุ่นควัน  ซึ่งเกิดจากทั้งควันบุหรี่และควันจากท่อรถไอเสียมีมายกมายแค่ไหน และเราเองที่ใช้ชีวิตนอกบ้านออกไปเดินบนท้องถนนก็จะต้องเจอกับมลพิษเหล่านี้ทุกวัน ซึ่งการที่เราสูดหายใจเอาอากาศเข้าไปซึ่งอากาศที่เราหายใจเข้าไปในแต่ละวันก็มีมลพิษเข้าไปในร่างกายของเราด้วย ซึ่งมลพิษทีเข้าไปในร่างกายของเรานี้มันจะไปทำลายปอด และตับ และอวัยวะภายในอื่นอื่นของร่างกายของเรา

ลงทีละน้อยให้ทำให้ร่างกายของเราไม่แข็งแรง ส่งผลให้ผิวพรรณไม่สดใส ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการดูแลร่างกายของตัวเราเองให้ปลอดภัย โดยจะแนะนำผักที่มีคุณสมบัติในการขับสารพิษ ออกจากร่างกายของเราได้  การกินผักกะหล่ำปลี การกินผักคะค้า  ผักขึ้นฉ่าย และผักกาดแดง ผักเหล่านี้ล้วนมีประโยชน์ในการทำให้ร่างกายถูกขับสารพิษออกทั้งสิ้น การกินผักนอกจากจะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงแล้ว สารพิษที่ตกค้าอยู่ในร่างกายก็จะถูกขับออกมาด้วย 

  1.  กะหล่ำปลี มีสารที่ช่วยต้านอนุมุลอิสระสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง และยังช่วยล้างสารพิษในตับและยังช่วยกำจัดสารพิษจากควันบุรี่ออกจากร่างกายได้ดี
  2. บีทรูท  เป็นผักที่ช่วยในเรื่องการล้างพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยฟอกเลือดให้เลือดสะอาดปราศจากสารพิษอีกด้วย
  3. ผักค้าน้า  นอกจากจะช่วยขับสารพิษออกจากตับได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ยังช่วยเรื่องของระบบลำไส้ไม่อุดตัน ช่วยเรื่องของการระบายขับถ่ายได้ดี 
  4. ผักขึ้นฉ่าย เป็นอีกผักที่ช่วยระบายสารพิษจากควันบุหรี่ออกจากตับได้อย่างดีเยี่ยม 

        ผักที่กล่าวมาทั้งสี่ชนิดนี้เป็นผักที่หาซื้อได้ง่าย ตามตลาดสดและตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ซึ่งเราควรจะหาซื้อรับประทานกันบาง เพราะอย่างที่เคยเกริ่นไปแล้วว่าปัจจุบัน สารพิษมีอยู่ในอากาศเต็มไปหมดดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาที่เราจะไม่ได้สูดเอาควันพิษหรือฝุ่นละอองเข้าไปเลย และสิ่งที่เราสามารถดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราให้แข็งแรงปลอดภัยจากสารพิษได้เบื้องต้น 

ผักมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างการรับประทานผักจึงเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์และเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง การกินผักชนิดอื่นอื่นก็ให้สารอาหารที่มีประโยชน์เช่นเดียวกันแต่ว่าผักทั้งสี่ชนิดนี้จะช่วยเพิ่มการดีท็อกซ์สารพิษของร่างกายของเราได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงควรกินผักทั้งสี่อย่างนี้อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

 

สนับสนุนโดย  alpha88 ดีไหม

อาหารและเครื่องดื่มช่วยลดหวัด

           สิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อยไม่เป็นหวัดก็คือ การออกกำลังกายและการทานอาหารที่สะอาด มีประโยชน์ ที่สารอาหารครบ 5 หมูแต่ถ้าหากเราร่างกายอ่อนแอลงเมื่อไหร่ เจ้าเชื้อร้ายทั้งหลายก็จะรุมเล่นงานเราทันที

และเชื้อโรคที่ทำให้คนเป็นบ่อยมากที่สุดก็คือเชื้อไข้หวัด ดังนั้นหากเราเริ่มรู้สึกตัวว่า อาจมีแนวโน้มว่าจะเป็นหวัดแน่ๆ ลองทานอาหารและเครื่องดื่มต่อไปนี้ เพราะอาหารและเครื่องที่จะแนะนำนี้มีความสามารถเป็นอย่างมากในการช่วยลดอาการของหวัด คัดจมูกได้  ที่สำคัญทำให้คุณอิ่มและอร่อยมาก

  1. ซุปไก่ เคยดูละครทีวีกันไหมค่ะ ที่เวลาคนป่วยไม่สบายก็จะมีการทำซุปไก่ไปเยี่ยมไข้กัน นั่นเพราะซุปไก่เมื่อกินเข้าไปแล้วจะมีสารที่ช่วยยับยั้งและกำจัดเชื้อโรค อันที่จริงในซุปไก่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบหลายอย่างที่มีคุณสมบัติช่วยในการยับยั้ง เชื้อโรค เช่น มะเขือเทศ  เกลือ พริกไทย หอมใหญ่และอื่นๆอีกมากที่นำมาผสมกันในการปรุงเป็นซุปไก่ ในเมื่อมีสมุนไพรมากมายขนาดนี้เชื้อโรคจะอยู่กับเรานานได้อย่างไร
  2. การกินอาหารที่มีรสเผ็ดก็ช่วยได้เช่น เดียวกันเพราะพริกเป็นสมุนไพรไทยที่จะช่วยในเรื่องของการยับยั้งการทำงานของเชื้อโรค
  3. ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง อย่างเช่นส้ม จะเห็นได้ว่าเวลาใครป่วย คนที่ไปเยี่ยมไข้มักจะซื้อส้มไปฝาก นั่นเพราะการกินส้มนั้นมีประโยชน์หลายด้าน และด้านที่เราอยากให้ช่วยเรื่องอาการหวัด ส้มก็ช่วยได้ผลดีอย่างมากเสียด้วย
  4. น้ำเปล่า ไม่ต้องแปลกใจ น้ำเปล่าธรรมดานี่ละคะ เอาแบบอุณหภูมิห้องปกติเลย ไม่ต้องเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็นก็ช่วยรักษาอาการหวัดได้ เพราะน้ำจะเข้าไปช่วยขับเชื้อโรคที่อยู่ในร่างกาย และหากอยากให้ชุ่มคอมากขึ้น เราสามารถเอาสมุนไพรต่างๆมากต้มใส่น้ำดื่มได้  ทั้งตะไคร้ หัวหอม น้ำใบเตย น้ำขิง 
  5. น้ำชาคาโมมายล์ ก็ช่วยรักษาอาการหวัดได้ดี เพียงเราชงชาแล้วทิ้งไว้สักนาทีแล้วดื่ม จะช่วยให้เราหายใจได้โล่งขึ้น รู้สึกสดชื่นขึ้น แถมยังช่วยขับเสลดได้ดีอีกด้วย
  6. อาหารที่มีหอมหัวใหญ่เป็นส่วนประกอบ เพระเพียงแค่เราดมหัวหอม ยังช่วยรักษาอาการคัดจมูกของเราให้ดีขึ้นเลย ดังนั้นหากทานเข้าไปก็จะเห็นผลเร็วยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆที่นำมาแนะนำกัน ยังมีอาหารและเครื่องดื่มอีกหลายอย่างที่ช่วยรักษาอาการไข้หวัดของเราให้ดีขึ้นได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ร่างกายต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ หากเรากินอาหารที่ช่วยรักษาไข้หวัดได้แต่ไม่พักผ่อน หวัดก็ไม่หายนะจะ

 

สนับสนุนโดย  entaplay เครดิต ฟรี

การใช้งาน หน้ากาก N95 

ในช่วงนี้ที่ประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาค่าฝุ่นละออง PM 2.5ซึ่งกำลังระบาดอย่างหนักและต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแล้วดังนั้นการซื้อหน้ากากอนามัยเพื่อใส่ป้องกันฝุ่นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรจะทำกันในขณะนี้แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วๆไปที่ใช้กันนั้นไม่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้จำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัย N95 เท่านั้นซึ่งอย่างที่รู้กันดีอยู่ว่าหน้ากากอนามัยN95นั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากและหาซื้อได้ค่อนข้างยากในประเทศไทย

ดังนั้นเราจึงควรมาดูวิธีการใช้งานที่ถูกต้องเพื่อให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องเสียไปจากกันซื้อหน้ากากอนามัยN95มาใช้งานอย่างแรกเลยเราสามารถที่จะเลือกซื้อหน้ากากอนามัยN95ได้ว่าเราจะซื้อแบบใช้แล้วทิ้งหรือแบบที่สามารถเปลี่ยนไส้กองได้โดยปกติแล้วหน้ากากอนามัยN95ที่เป็นแบบใช้แล้วทิ้งเราจะสามารถใช้งานหน้ากากชนิดนี้ได้ประมาณสองถึงสามวันเท่านั้นก็สมควรที่จะทิ้งได้แล้วเพราะว่าปริมาณฝุ่นที่เกาะอยู่ตามหน้ากากก็จะมีปริมาณหนาแน่นทำให้เราหายใจไม่ค่อยออกแล้วหรือบางครั้งหน้ากาก

ก็มีความสกปรกจนเกินไปจนไม่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้หรือบางทีก็อาจจะฉีกขาดทำให้ใช้งานไม่ได้แล้วส่วนอีกชนิดหนึ่งก็คือหน้ากากที่สามารถถอดซักออกได้ การใช้หน้ากากแบบนี้ควรจะถอดซักออกทุกวันหรืออย่างน้อยก็วันเว้นวันรวมถึงการเปลี่ยนไส้กองก็ควรจะเปลี่ยนวันเว้นวันเปลี่ยนทีเพื่อความสะอาดของระบบการหายใจทีนี้การใช้หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องนั้นควรจะใช้หน้ากากอนามัยที่ไม่มีรอยยับรอยหักเพราะหากมีรอยพวกนี้เกิดขึ้นที่ตัวหน้ากากสิทธิภาพ

การกรองอากาศลดลงและควรตรวจสอบความสะอาดของหน้าว่ามีรอยเปื้อนหรือไม่เช็คความคมของโลหะที่ติดอยู่กับตัวหน้ากากจะต้องไม่เกิดอันตรายแก่เราที่เป็นผู้สวมใส่ใส่ของที่หูต้องแน่นหนาพอควรเลือกซื้อหน้ากากที่มีความกระชับและพอดีกับหน้าของผู้สวมใส่ คุณรักสาทำความสะอาดมือก่อนใส่หรือถอดหน้ากากเสมอเพื่อป้องกันเชื้อโรคที่อยู่จากมือเราไปติดกับหน้ากาก

และที่สำคัญเลยห้ามใช้หน้ากากร่วมกับผู้อื่นเพราะหน้ากากถือเป็นสิ่งของส่วนตัวไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ และเมื่อเราต้องถอนหน้ากากเก็บเอาไว้ควรเก็บในที่ที่ไม่มีฝุ่นไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายหรือถ้าเป็นหน้ากากที่ต้องใช้แล้วทิ้งให้ใส่ถุงพลาสติกมัดปากถุงแล้วทิ้งถังขยะได้เลยและที่สำคัญทุกครั้งที่เราจับหน้ากากก็อย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยนะคะ            

 

สนับสนุนโดย  entaplay

เปิดตู้เย็นหาตัวช่วย บรรเทาอาการคัดจมูก

          อย่างที่เราทราบกันดีว่าเวลาไปเป็นไข้หวัด มีน้ำมุกไหล มันน่าทรมานขนาดไหน ยิ่งตอนจะนอนแล้วหายใจไม่ค่อยมันยิ่งเป็นการรบกวนการนอนหลับพักผ่อนซะจริงๆ  เคยเป็นกันไหมซื้อยาเอาไว้มาเป็นยาประจำบ้านรอแล้วรอเล่าก็ไม่ป่วยสักทีและพอยาหมดอายุเท่านั้นและป่วยขึ้นมาทันที ดังนั้นวันนี้จะมาแนะนำการหาตัวช่วยเบื้องต้นในการรักษาอาการคัดจมูก

เพราะอาการนี้ชอบเกิดขึ้นตอนกลางคืน ซึ่งการไปหาซื้อยามาทานเองก็หาซื้อลำบากเนื่องจากยาคงจะปิดหมดแล้ว ยกเว้นต้องเสียเวลาเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งดูเป็นเรื่องใหญ่เกินไป แค่อาการคัดจมูกเราสามารถจัดการเองได้ ด้วยการเดินเข้าครัวเปิดตู้เย็นแล้วมองหาตัวช่วยลดอาการคัดจมูกกันเลย มาดูสิว่ามีอะไรช่วยเราได้บ้าง

  1. หอมแดง  คุณเชื่อไหมว่าหอมแดง จะช่วยได้มากอย่างยิ่งเรื่องของการคิดจมูก หลายคนบอกว่าให้นำหอมแดงไปทุบแล้วต้มน้ำเสร็จแล้วให้เอาหน้าก้มลงไปดมน้ำที่ระเหยขึ้นมาจะได้กลิ่นของหอมแดง จะได้ผลอย่างยิ่งถ้าเอาผ้าคลุมหัวกับกะละมังน้ำหอมแดงด้วย ดูแล้วก็ยุ่งยากไปอีก สำหรับเราเอาวิธีที่ง่ายและรวดเร็วโดยการผ่าหอมแดงออกเป็น 2 ซีกแล้วจัดการเอามาไว้ๆใกล้จมูกแล้วสูดดมเข้าไปเลย อาจจะได้กลิ่นฉุนของหอมมากไปหน่อยแต่เชื่อเถอะว่าได้ผลดีมาก ดมแค่เพียงนาทีเดียวเห็นผลทันที จมูกของคุณจะโล่งหายใจสะดวกขึ้นเยอะเลย และในปัจจุบันมีการนำหอมแดงมาแปลรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แปะอะไรก็ได้ให้ใกล้จมูกมากที่สุดคุณก็จะได้กลิ่นหอมแดงและช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
  2. กระเทียม นอกจากจะมีหอมแดงแล้วกระเทียมก็ช่วยเรื่องอาการหวัดคัดจมูกได้ดีทีเดียว โดยหากคุณเป็นคนที่สามารถกินกระเทียมสดได้ ก็เพียงปลอกเปลือกแล้วกินสดๆสัก 7 กลีบได้เลยแต่ไม่ควรกินตอนท้องว่างนะจ๊ะเดี๋ยวมันจะเข้าไประคายเคืองกระเพาะ  หากเราทนกลิ่นกระเทียมสดไม่ได้สักเท่าไหร่ก็เปลี่ยนมาปรุงกินรวมกับอาหารแทนก็ได้ค่ะ และที่สำคัญตอนนี้มีการนำกระเทียมมาแปรรูปเป็นสินค้ากระเทียมแคปซูนแล้วยิ่งทำให้กินง่ายเข้าไปอีก
  3. ตะไคร้ และตัวเอกอีกตัวที่หาได้ในตู้เย็นในครัวของบ้านเราก็คือตะไคร้ เพียงเรานำตะไคร้ออกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วนำไปต้มน้ำจนเดือด หลังจากนั้นก็นำน้ำตะไคร้มาจิบกินทีละนิดไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยรักษาอาการหวัด คัดจมูกได้ผลดีเช่นกัน

เห็นไหมของกินที่อยู่ในตู้เย็น นอกจากจะนำมาปรุงอาหารแล้ว ยังมีประโยชน์ในการรักษาโรคบางอย่างได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนมาจาก  rb88

กาแฟมีประโยชน์ในขณะเดียวกันก็มีโทษด้วยเช่นเดียวกัน

     เราต่างก็รู้กันดีว่าเวลาที่เราศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการลดความอ้วนนั้นมักจะมีการบอกว่ากาแฟจะสามารถช่วยให้เราลดความอ้วนได้เพียงแค่เราดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวันและเป็นการดื่มกาแฟโดยที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือไม่ใส่ความหวานเข้าไปสารอาหารในกาแฟก็จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณของเราได้เช่นเดียวกัน

รวมถึงยังไปช่วยกระตุ้นให้สมองของเรานั้นมีความกระตือรือร้นการดื่มกาแฟจะช่วยทำให้เรานั้นหิวน้อยลงอีกด้วยอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ากาแฟจะมีข้อดีอยู่แต่ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกันเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งนั้นเสียชีวิตจากการดื่มกาแฟแน่นอนว่าคงเป็นเคสแรกของโลกที่มีคนตายเพราะการกินกาแฟแต่จริงๆแล้วกาแฟนั้นก็สามารถทำให้คนตายได้เช่นเดียวกันหากเราดื่มในปริมาณที่มากเกินไป

การดื่มกาแฟนั้นจะช่วยให้เราไม่ง่วงนอนและเราสามารถที่จะทำงานได้นานขึ้นอีกทั้งยังช่วยเรื่องของการสลายไขมันและช่วยเรื่องของการเผาผลาญอาหารให้เราอีกด้วยการทำงานของคาเฟอีนที่เป็นส่วนผสมในกาแฟก็จะไปกระตุ้นฉันนั่งตั่งในร่างกายให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นดังนั้นหลายคนจึงนิยมทานกาแฟซึ่ง ประโยชน์ของกาแฟนั้นมีเยอะช่วยในเรื่องของการลดความเสี่ยงของการเป็นโรคต่างๆเช่นโรคมะเร็งและโรคลำไส้หรือใครปวดหัวไมเกรนก็สามารถช่วยรักษาอาการเหล่านี้

ได้หากเรากินแค่น้อยนิดเท่านั้นโดยส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ควรกินเกินวันละ 2 แก้วและแน่นอนว่าการกินกาแฟควรจะมีช่วงเวลาในการกินเพื่อที่จะให้เราได้รับประโยชน์จากการกินกาแฟแบบสูงสุดด้วยการแนะนำเรื่องของการกินกาแฟนั้นส่วนใหญ่ก็มักจะให้กินในช่วงประมาณ 10:00 น แต่เมื่อใดก็ตามที่เข้าสู่ช่วงเวลาหลัง 14:00 น

ไปแล้วเราไม่ควรกินกาแฟเพราะผลเสียก็จะเริ่มตามมาแล้วเนื่องจากว่าเมื่อเรากินกาแฟในช่วงเย็นจะส่งผลทำให้เรานะนอนไม่หลับและทำให้ร่างกายของเราทรุดโทรมได้และแน่นอนว่าถ้าหากเรากินกาแฟตลอดทั้งวันทั้งคืนแล้วเราก็ปริมาณกาแฟจะอยู่ในร่างกายของเรามากจนเกินไปทำให้เราช็อคจากการกินกาแฟและเสียชีวิตได้หรือถ้าหากเรากินไม่เยอะแต่การกินกาแฟของเรานั้นใส่ส่วนผสมอื่นๆที่ทำให้กาแฟของเรามีรสชาติอร่อยไม่ว่าจะเป็นการใส่น้ำตาลหรือใส่ครีมเทียมก็ตามก็ทำให้เราได้รับอันตราย

จากการบินกาแฟในครั้งนี้ด้วยเพราะมันจะทำให้เราอ้วนนั่นเองดังนั้นหากเราต้องการกินกาแฟเราควรพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียประโยชน์และโทษของกาแฟและเลือกว่าเราควรจะกินแบบไหนและในปริมาณที่เท่าไหร่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เรานั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  next88 มือถือ

อาหารที่ช่วยให้คนเรานอนหลับง่าย

หากใครก็ตามที่มีปัญหาของการนอนไม่หลับอยู่นั้น ลองอ่านทางนี้ เพราะเรามีตัวช่วยให้อาการนอนไม่หลับของคุณนั้น สามารถนอนหลับได้ง่ายขึ้น เพียงแค่คุณเลือกรับประทานอาหารเจ็ดชนิดนี้ คุณก็จะหลับได้ง่ายขึ้น มีอะไรบ้างนั้นมาลองดูกัน

อัลมอนด์ ไอ้เจ้าถั่วธัญพืชนี้จะช่วยให้คุณนั้นนอนหลับได้ง่ายขึ้น เพราะในอัลมอนด์หนึ่งเม็ดอัดแน่นไปด้วยคุณค่าสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นฟอสฟอรัส แมกนีเซียม วิตามินบี 2 ไฟเบอร์ และสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่วนสารที่สำคัญต่อการต่อหลับนั้นคือ เมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่การนอนหลับนั่นเอง

นมสดอุ่นๆ ง่ายๆ หาไม่ยาก เรานมสดนี้จะมีสารอาหารสี่อย่างหลักๆ คือ ทริปโตเฟน แคลเซียม วิตามินดี และเมลาโทนิน ที่ช่วยทำให้ง่วงนอน และยังนอนหลับสนิทอีกด้วย หากใครกลัวอ้วน ก็เลือกเป็นนมที่มีไขมันต่ำๆ

กีวี ผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยว แต่เป็นเมนูที่มีไขมันต่ำ ซึ่งเจ้ากีวีนี่ มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเยอะมาก และเมื่อกินเข้าไปแล้วจะช่วยกระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งวิธีกินนั้นควรกินก่อนที่คุณจะเข้านอนหนึ่งช่วยโมงจะทำให้คุณหลับได้ไว และหลับสนิทกว่าเดิม

ชาคาโมมายล์ ใครบอกว่าดื่มชาแล้วนอนไม่หลับ ไม่จริงเลย เพราะชาคาโมมายล์ นี้เป็นชาที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบของร่างกาย และยังช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่ต้องคิดเยอะก่อนนอนจนนอนไม่หลับ

วอลนัท อีกหนึ่งธัญพืชที่กินได้ทั้งเป็นของว่างแก้หิว แถมยังดีต่อสุขภาพ เพราะมีไขมันดี ซึ่งเจ้าวอลนัทนี้มีแร่ธาตุมากกว่าสิบเก้าชนิด และยังมีสารเมลาโทนินฮอร์โมนที่ช่วยให้คุณรู้สึกง่วงและกระตุ้นการนอนหลับได้ดีอีกด้วย รับรองหากกินก่อนนอน หลับยาวๆ ถึงเช้าแน่นอน

ปลาที่มีกรดไขมันสูง เช่นพวกปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาเทราต์ และปลาแมกเคอเรล ก็สามารถช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้นะ เพราะในปลาเหล่านี้จะมีวิตามินดีและกรดโอเมก้าสาม ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนได้ดียิ่งขึ้น

ไก่งวง หากใครชอบกินเนื้อสัตว์แบบแน่นๆ เต็มคำ ต้องนี่เลยไก่งวง ที่มีสารอาหารเต็มไปด้วยโปรตีน และเมื่อกินเข้าไปแล้วนั้น ร่ายกายจะโหยหาการพักผ่อน เพราะว่าไก่งวง จะมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน ที่กระตุ้นการผลิต เมลาโทนิน ให้เราง่วงนี่เอง

 

สนับสนุนโดย  next88 mobile

เนื้องอกมดลูก โรคร้ายที่สตรีต้องระมัดระวัง

ขึ้นชื่อว่าเนื้องอก ไม่ว่าจะเป็นที่ส่วนใดของร่างกาย ก็จำเป็นที่จะต้องสร้างความกลัวให้กับคนที่มีเจ้าเนื้องอกนี้มาอยู่ภายในร่างกายทั้งนั้น โดยยิ่งไปกว่านั้นกับคุณผู้หญิง

เนื้องอกมดลูกเป็นยังไง

เนื้องอกมดลูกเป็นเนื้องอกที่มักพบในสตรีเจอได้ราวๆ25 % ของสตรีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเจริญพันธุ์ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไปจนกระทั่ง 40 ปีซึ่งความน่ากลัวของมันก็คือ 50 % ของผู้หญิงที่เป็นโรคนี้ไม่มีการแสดงอาการสำหรับสาเหตุของการเกิดนั้นอาจจะมีการเกิดจากพันธุกรรมรวมทั้งฮอร์โมนพศหญิง หรือฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen) เป็นตัวกระตุ้นให้เซลล์ของกล้ามเนื้อมดลูกเปลี่ยนเป็นก้อนเมื่อฮอร์โมนมีระดับที่เพิ่มสูงมากขึ้นก้อนก็จะโตตามไปด้วย

เมื่อก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะไปกดเบียดอวัยวะรอบตัวนำไปสู่อาการ ยกตัวอย่างเช่นส่งผลให้เกิดอาการท้องอืดปัสสาวะหลายครั้ง ปวดท่อไตทำให้ปวดหลังปวดเอว รวมถึงอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะมีลูกยาก รวมถึงภาวการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อการแท้งลูกได้อีกด้วย

ทราบได้เร็ว จัดการได้ไว ด้วยการตรวจคัดกรอง

อย่างที่หมอบอกคือ 50 % ของหญิงไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหาเนื้องอกมดลูกเนื่องจากว่าไม่มีการแสดงอาการผิดปกติออกมาตราบจนกระทั่งจะมีภาวะแทรกซ้อน หรือตรวจพบจากการตรวจร่างกายรายปี แต่ว่าขณะเดียวกันอีก 50 % ที่เหลือจะมีลักษณะผิดปกติยกตัวอย่างเช่น มีลูกยาก ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมามากไม่ปกติ ปัสสาวะบ่อยมากแต่ว่าก็ยังไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นเนื้องอกมดลูก

ซึ่งเมื่อคนกลุ่มพวกนี้มาหาแพทย์ แพทย์จะต้องอาศัยแนวทางซักเรื่องราวอย่างประณีตพร้อมทั้งตรวจด้วยแนวทางต่างๆซึ่งเป็นต้นว่า การตรวจด้านในรวมทั้งการคลำหาก้อนซึ่งถ้าหากก้อนมีขนาดใหญ่มากหมอก็จะคลำเจอได้ง่าย

แนวทางต่อมาเป็นการตรวจอัลตร้าซาวด์ที่หน้าท้องแล้วก็ช่องคลอด ซึ่งแนวทางแบบนี้ถ้าหากมีก้อนจะช่วยทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นในบางรายหมอก็จะเลือกใช้การฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงมดลูกร่วมกับกระบวนการทำอัลตร้าซาวด์ ซึ่งจะช่วยให้ก้อนขยายตัวรวมทั้งสามารถมองเห็นก้อนได้เด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการตรวจคัดกรองด้วยแนวทางต่างๆนั้นสตรีน่าจะทำเป็นประจำทุกปี เพื่อรู้ถึงการเสี่ยงแล้วก็รับมือป้องกันได้อย่างทันการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่ไม่มีอาการและไม่เคยเข้ารับการตรวจเลย

เนื้องอกมดลูกน่ากลัวแค่ไหนถ้าหากไม่รักษา

ถึงแม้ว่าเนื้องอกมดลูกนั้นจะมีโอกาสพัฒนาไปเป็นโรคมะเร็งเพียงแค่ 0.5 % – 1 % หรือจัดเป็น 1 ใน 1,000 ซึ่งเรียกว่าโอกาสต่ำมากที่จะพัฒนาเปลี่ยนเป็นโรคมะเร็ง แต่ว่าก็ต้องการกระตุ้นเตือนให้ท่านสตรีมองเห็นจุดสำคัญของการตรวจร่างกายเพื่อคุ้มครองป้องกันโรคนี้ เพราะว่านอกเหนือจากจะสร้างความเจ็บป่วย สร้างความรำคาญในชีวิตประจำวันแล้ว มันยังอาจก่อให้คุณจำเป็นต้องกลายเป็นสตรีที่อยู่ในข่ายสภาวะมีลูกยากอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  betbbthai